การระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปลายปี 62 ยังคงทิ้ง “บาดแผล” และ “ความเจ็บปวด” ไว้กับผู้คนทั่วโลกจนถึงขณะนี้ และต้องใช้เวลาฟื้นฟู เยียวยา อีกระยะกว่าทุกอย่างจะกลับสู่ภาวะปกติ
ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นอีกหนึ่งภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักหนาสาหัส จากการล็อกดาวน์ และปิดประเทศ ที่ห้ามการเดินทางโดยเด็ดขาดทำให้การเดินทางระหว่างประเทศหยุดในชะงักทันที เป็นเวลากว่า 2 ปี ผู้คนในภาคธุรกิจนี้จึงต้อง “ดิ้นหนีตาย” และทำทุกวิถีทางเพื่อให้ “อยู่รอดรอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป” ผู้บุกเบิกธุรกิจโรงแรมในพัทยา ซึ่งเสมือนเป็น “ทรายเม็ดแรก” ของพัทยา และปัจจุบันมีโรงแรมในเครือหลายแห่ง ทั้งรอยัล คลิฟ บีช โฮเต็ล, รอยัลคลิฟบีช เทอเรซ, รอยัล คลิฟ แกรนด์ โฮเต็ล และรอยัล วิงสวีท แอนด์สปา จำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดเช่นกัน นายวิทนาถ วรรธนะกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป เล่าว่า กว่า 2 ปีที่โควิดระบาด เป็นช่วงที่สาหัสมากสำหรับธุรกิจ เพราะรายได้กลายเป็น “ศูนย์” จึงต้องทำทุกทางเพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มรายได้
แต่ความยากอยู่ตรงที่กฎเหล็กของคุณแม่ (นางพงา วรรธนะกุล) ที่ “ห้ามปลดพนักงาน” 600 คนเด็ดขาด!!ทางออกที่ดีที่สุด คือ ขอความร่วมมือพนักงาน “ลดเงินเดือน” และช่วยกันหาทางออกอื่นๆ เช่น ทำ Street Food ขายอาหารและขนม โดยเมนูขึ้นชื่อที่ขายดี เช่น ผัดไทย หอยทอด สาคูไส้หมู ขนมครก และหมูปิ้งผัดไทยของเราขึ้นชื่อมาก ขนาดแขกต่างชาติรายหนึ่ง ที่มาพักประจำ ต้องสั่งทานทุกครั้งที่มา แต่มีครั้งหนึ่ง เขามาประชุมที่กรุงเทพฯ ไม่มีเวลามาพัทยา ต้องลงทุนเช่าเฮลิคอปเตอร์เป็นเงินกว่า 1 แสนบาทเพื่อพาภรรยามาทานผัดไทยที่โรงแรมพวกเราเลยพูดกันเล่นๆว่า ผัดไทยของเราจานละแสน” นายวิทนาถกล่าวด้วยความภูมิใจ